ดังทั่วโลก! ไฮโซราชนิกุลไทย'ชนะคดี ที่อินเดีย รับมรดกมหาศาล จำนวนนี้ จนคนต้องพูดถึง

ไฮโซราชนิกุลไทย ชนะคดีหมื่นล้าน หลังศาลอินเดียพิพากษายืนตามพินัยกรรม “คยาตรี เดวี”มหารานีแห่งนครชัยปุระ ให้มอบมรดกแก่หลานซึ่งเป็นทา...



ไฮโซราชนิกุลไทย ชนะคดีหมื่นล้าน หลังศาลอินเดียพิพากษายืนตามพินัยกรรม “คยาตรี เดวี”มหารานีแห่งนครชัยปุระ ให้มอบมรดกแก่หลานซึ่งเป็นทายาทของ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต มหาศาล 1.2 หมื่นล้าน

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงาน โดยอ้างสำนักข่าวบีบีซี ได้รายงานข่าวเมื่อวันที่ 24 ก.ย. กรณีศาลฎีกาของประเทศอินเดียพิพากษาคดีมรดกของคยาตรี เดวี มหารานีแห่งนครชัยปุระ โดยยืนตามคำตัดสินของศาลสูงเดลี ให้นายเทพราช ซิงห์ และนางสาวลลิตยา กุมารีสองพี่น้องซึ่งเป็นทายาทของ ม.ร.ว. ปรียนันทนา รังสิต ราชนิกุลชาวไทยที่สมรสกับกับมหาราชจกัตซิงห์ ทายาทของมหารานี เป็นผู้รับมรดกซึ่งอาจมีมูลค่าสูงสุดนับหมื่นล้านบาทตามพินัยกรรมที่คยาตรี เดวีมหารานีแห่งนครชัยปุระซึ่งเป็นย่าของทั้งสองระบุไว้

โดยก่อนหน้านี้ นายเทพราช และนางสาวลลิตยา ต้องต่อสู้ในศาลมาเป็นเวลาหลายปีเนื่องจากพระญาติของมหารานียื่นคัดค้านว่า มหารานีทำพินัยกรรมดังกล่าวในช่วงเวลาที่ชราภาพและมีสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ก่อนจะเสียชีวิตลงเมื่อปี 2009 ด้วยวัย90 ปี ซึ่งคดีนี้เป็นคดีฟ้องร้องมรดกที่ฮือฮาระดับโลก โดยประเมินกันว่า กองมรดกมูลค่ามหาศาลดังกล่าว ซึ่งรวมถึงโรงแรมหรูที่เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังนครชัยปุระ มีมูลค่าระหว่าง 200-400 ล้านดอลล่าร์สหรัฐหรือสูงสุดราว 12,000ล้านบาท

นายเทพราช ซิงห์ กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่าตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาและน้องสาวไม่ได้ต้องการสิ่งใดมากไปกว่าส่วนแบ่งของบิดาในกิจการของครอบครัวและในที่สุด เขาก็ใกล้จะได้ปฏิบัติหน้าที่ที่สมควรทำมานานต่อแผ่นดินบรรพบุรุษของเขาเสียที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้มีความต่อเนื่องยาวนานและได้รับความสนใจในแวดวงไฮโซ เนื่องจากมหารานีแห่งนครชัยปุระ เป็นสาวสังคมที่ใช้ชีวิตหรูหราและมีระดับในสังคมระดับโลกได้รับการยกย่องในความงามจากนิตยสารต่างประเทศ ต่อมาเมื่อเกิดคดีความแบ่งทรัพย์สินจากกองมรดก นายเทพราช และนางสาวลลิตยา ได้อ้างว่า มีการปลอมพินัยกรรมของผู้เป็นบิดาที่ตัดทั้งคู่ออกจากกองมรดก และสู้คดีจนชนะ สำหรับนายเทพราช และนางสาวลลิตยานั้น ได้ย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยตามม.ร.ว.ปรียนันทนา มารดา หลังจากได้หย่าร้างกับมหาราชจกัต ซิงห์ ในปี พ.ศ.2530 ซึ่งม.ร.ว.ปรียนันทนา เคยดำรงตำแหน่งเป็น ส.ว. สรรหา พ.ศ.2551 และเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม 40 ส.ว.“

ที่มา ::: http://www.bigza.com/news-179050

loading...

You Might Also Like

0 ความคิดเห็น