เปิดขุมทรัพย์วัดบ้านไร่ ทรัพย์สิน 5 ส่วนของ หลวงพ่อคูณ

เปิดขุมทรัพย์วัดบ้านไร่ ทรัพย์สิน 5 ส่วนของ "หลวงพ่อคูณ"     ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมามีคำสั่งให้ผู้อำนวยการสำนักพุ...




เปิดขุมทรัพย์วัดบ้านไร่ ทรัพย์สิน 5 ส่วนของ "หลวงพ่อคูณ"

    ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมามีคำสั่งให้ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาจังหวัดและนายอำเภอร่วมกระบวนการตรวจสอบและบริหารจัดการทรัพย์ของวัดเพื่อให้มีความโปร่งใสที่สุด ขณะที่ไวยาวัจกรวัดบ้านไร่ออกมาเป็นเปิดทรัพย์สินของวัดหลักๆ แบ่งออกเป็น 5 ก้อน

    นายธวัช เรืองหร่าย ไวยาวัจกรวัดบ้านไร่และลูกศิษย์คนสนิทของหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า ได้จำแนกทรัพย์สินวัดบ้านไร่ออกเป็น 5 บัญชีหลัก ดังนี้

    บัญชีแรก คือบัญชีส่วนตัวของหล่วงพ่อคูณ ปริสุทโธ บัญชีนี้หลวงพ่อคูณมีอำนาจลงนามเบิกจ่ายได้เพียงคนเดียว ซึ่งที่มาของเงินส่วนใหญ่ได้มาจากตู้บริจาคในวัดบ้านไร่ทั้งหมด โดยปกติหลวงพ่อคูณจำนำเงินส่วนนี้มาใช้จ่ายเป็นค่าบริหารจัดการวัด อย่างค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเจ้าหน้าที่ และส่วนที่เหลือหลวงพ่อคูณก็จะบริจาคให้กับการดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ล่าสุดคาดว่าจะเหลือเงินในบัญชีราว 2 - 3 แสนบาท

    ส่วนบัญชีที่ 2 คือบัญชีเงินฝากของพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ มีเงินอยู่ประมาณ 6 - 7 ล้านบาท บัญชีนี้มีผู้มีอำนาจลงนามเบิกจ่าย 3 คน ประกอบด้วย นายธวัช เรืองหร่าย นายธวัฒน์ชัย แสนประสิทธิ์ กำนันตำบลกุดพิมาน และนายสมบูรณ์ โสตถินันต์ เลขานุการคณะกรรมการวัดบ้านไร่

    บัญชีที่ 3 คือบัญชี90 บัญชีนี้หลวงพ่อคูณตั้งได้ประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยหลวงพ่อตั้งใจว่าจะนำเงินที่ได้จากการให้เช่าวัตถุมงคลของวัด น้อมเหล่าน้อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อได้เงินครบ 100 ล้านบาท ล่าสุดมีเงินในบัญชีประมาณ 17 ล้านบาท มีผู้มีอำนาจเบิกจ่าย 3 คนประกอบด้วย พล.ต.ต.มหัคพันธุ์ สุรคุปต์ ประธานกรรมการวัดบ้านไร่ นายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ เลขานุการคณะกรรมการวัด และนายธวัช เรืองหร่าย

    บัญชีที่ 4 เป็นบัญชีของมูลนิธิหลวงพ่อคูณ มีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานมูลนิธิ นายอำเภอด่านขุดทดเป็นเลขามูลนิธิฯ โดยปัจจุบันมูลนิธิมีเงินกองทุนอยู่ประมาณ 47 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ทางมูลนิธิจะนำเงินไปใช้ในการบริจาคเป็นสาธาณกุศล อย่างเช่นการสอบทุนการศึกษาและค่าอาหารกลางวันให้กับนักเรียน นักศึกษาที่มีฐานะยากจน

    และเงินก้อนสุดท้ายเป็นเงินที่ได้จากกิจการวิหารเทพวิทยาคม หรือ "วิหารกลางน้ำมัน" มีนายเกรียงไกร จารุทวี ผู้บริการกิจการวิหารฯ ดูแลรายได้ที่ได้จากการบริจาคและเงินทำบุญจากบัตรเติมบุญต่างๆ เพียงคนเดียว ซึ่งปัจจุบันนายธวัชไม่ทราบว่ามีเงินอยู่ในส่วนนี้เท่าไหร่

    ทั้งนี้ หลังเสร็จพิธีบำเพ็ญกุศลหลวงพ่อคูณ คณะกรรมการวัดและลูกศิษย์มีกำหนดการหารือกัน โดยจะนิมนต์เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมามาเป็นประธานและสักขีพยาน เพื่อดำเนินการจัดการทรัพย์สินของวัดบ้านไร่ทั้งหมด

    ด้านพระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ระบุว่า ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบทรัพทย์สินของคงเหลือทั้งหมดและจะส่งหน้าที่ความรับผิดชอบส่วนนี้รักษาการแทนเจ้าอาวาส

    ขณะที่ นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ล่าสุดมีคำสั่งให้ศึกษาธิการอำเภอที่ขณะนี้อยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาจังหวัดและนายอำเภอด่านขุนทด ร่วมตรวจสอบทรัพย์ทั้งหมดในทุกกระบวนการ รวมถึงการจัดการทรัพย์สินจะต้องดำเนินการตามข้อกฎหมายและแจ้งให้สังคมได้รับทราบอย่างเปิดเผยเพื่อความโปร่งใส

ที่มา : siam55

loading...

You Might Also Like

0 ความคิดเห็น