ข่าววันนี้
พลิกตำนาน สองไอ้ด่าง จระเข้ยักษ์กินคนมากที่สุดในไทย ?!
10:32 AMทราบกันหรือไม่ว่าในอดีตเคยมีจระเข้ที่ออกอาละวาดไล่กินคนมาแล้ว โดยไม่ต้องอาศัยน้ำท่วมเมืองแต่อย่างใด จระเข้ที่จะเขียนถึงในครั้งนี้มีชื่อเรียกกันจนคุ้นหูคนไทยจนถึงปัจจุบันพวก มันคือ " ไอ้ด่าง " จระเข้ที่ชื่อไอ้ด่างมีอยู่ด้วยกัน 2 ตัว ตัวแรกคือ "ไอ้ด่างเกยชัย" ส่วนอีกตัวคือ "ไอ้ด่างคลองบางมุด" ซึ่งทั้งสองตัวเป็นจระเข้กินคนที่อาละวาดสร้างความหวาดผวาให้กับผู้คนในยุคสมัยนั้น
ดังนั้นอย่าจำสับสนกันระหว่าง ไอ้ด่างเกยชัย กับ ไอ้ด่างคลองบางมุด เพราะ เจ้าจระเข้สองตัวนี้แม้จะชื่อเรียกว่าไอ้ด่างเหมือนกันแต่พวกมันมีชื่อเสียง กันคนละยุคสมัย ไอ้ด่างเกยชัยนั้นถือว่าเป็นจระเข้กินคนรุ่นพี่เพราะมีเรื่องราวและ ประวัติการปรากฏตัวอาละวาดกินคนที่แม่น้ำน่าน ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 บ้านเกยชัย จ.นครสวรรค์ (ปัจจุบันคือ ต.เกยไชย อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์) สำหรับชื่อหรือฉายาของไอ้ด่างเกยชัยนั้นเพราะปลายจมูกมันมีดวงด่างสีขาวเป็น จุดเด่น แต่ไอ้ด่างเกยชัยก็สิ้นชีพด้วยหอกของหมอจระเข้ 2 คน และหัวของมันถูกตัดเก็บไว้ ว่ากันว่ามีความใหญ่ถึงขนาดหัวถึงหางสามารถนอนขวางลำน้ำจากฝั่งหนึ่งถึงอีก ฝั่งหนึ่งได้ ถ้าเป็นเรื่องจริงดังบันทึกก็หมายความว่าไอ้ด่างเกยชัยมีขนาดความยาวลำตัว ยาวถึง 9-10 เมตรเลยทีเดียว แต่ น่าเสียดายที่เรื่องราวของไอ้ด่างเกยชัยซึ่งมีบันทึกอยู่ใสมุดบันทึกของกรม พระยาดำรงราชานุภาพเมื่อคราวที่ท่านเสด็จไปตรวจราชการที่เมืองเหนือได้ บันทึกเกี่ยวกับเรื่องราวของไอ้ด่างเกยชัยไว้เพียงสั้นๆแค่ 2 บรรทัดมีใจความว่า ที่มีศีรษะของจระเข้ใหญ่ เป็นจระเข้กินคน ชาวบ้านเล่าลือกันว่าเป็นจระเข้เจ้า มีพระยาคนหนึ่งได้นำเอาศีรษะจระเข้นี้เข้ากรุงเทพฯ และได้ขายต่อให้ชาวต่างชาติไป เป็นอันจบกันสำหรับเรื่องราวของศีรษะจระเข้ใหญ่ สำหรับบันทึกของกรมพระยาดำรงราชานุภาพของท่านตอนนี้สามารถสืบค้นได้ที่หอ สมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี
เรื่องมันยาวมากขอรวบรัดเอาตอนจระเข้โดนจับเลยก็แล้วกัน
การ ไล่ล่าไอ้ด่างครั้งใหญ่จบลงด้วยความล้มเหลว ซึ่งหลายคนคาดว่าเป็นเพราะก่อนหน้านั้นมีการไล่ล่าอยู่หลายครั้งรวมถึงช่วง นั้นระดับน้ำขึ้นสูงและมีน้ำเหนือไหลบ่าทำให้น้ำเชี่ยวกรากจระเข้น้อยใหญ่ ถูกรบกวนจึงย้ายถิ่นหนีไปอยู่ที่อื่น จากเหตุดังกล่าวทำให้พักการออกล่าจระเข้ยักษ์ไว้ชั่วคราวจนกว่าน้ำจะลดลงสู่ ระดับปกติ
แต่ หลังจากนั้นไม่นานในวันที่ 18 พฤศจิกายน บริเวณคลองเขาปีบเขตติดต่อระหว่าง อ.หลังสวน กับ อ.สวี ไอ้ด่างก็ปรากฏตัวอีกครั้ง โดยครั้งนี้มันคาบเอานายช้วน พิมาน ชาวบ้านในคลองเขาปีบแล้วดำหายลงไปในคลองนั่นเอง ทำให้ชาวบ้านในคลองเขาปีบไม่มีใครกล้าพายเรือในคลองนี้ และเรื่องของนายช้วนทำให้ ส.อ.ห้วง พิมาน กับ ส.อ.จำนง พิมาน ญาติของนายช้วนซึ่งเป็นทหารประจำค่ายทหารบกชุมพรไปรายงานผู้บังคับบัญชาขอลา และขออนุมัติตามล่าจระเข้ยักษ์โดยใช้อาวุธ ซึ่งผู้บังคับบัญชามีคำสั่งอนุญาต ในการออกเดินทางครั้งนี้นอกจาก ส.อ.ห้วง พิมาน และ ส.อ.จำนง พิมาน แล้วได้มีผู้ร่วมเดินทางไปปราบจระเข้ยักษ์อีก 4 คน คือ ร.ท.ลิขิต จันทโรทัย, ร.ท.มาโนช เขียนยาคำ, ส.อ.ละออ นาคจิตติ ขณะที่คณะล่าจระเข้ไปถึงได้พบว่าชาวบ้านประมาณ 100 กว่าคนพร้อมด้วยอาวุธปืนและฉมวกกำลังค้นหาจระเข้ยักษ์และศพนายช้วน ตีแนวขนานทั้งสอง ซึ่งในที่สุดได้ค้นพบศพนายช้วน อยู่ใต้รากไม้ริมตลิ่ง ถูกไอ้ด่างจระเข้ยักษ์ลากไปขัดไว้ และไม่มีทางที่จะดึงออกมาได้ ต้องให้นักประดาน้ำดำลงไปใช้เชือกผูกศพแล้วใช้คนกว่า 20 คนช่วยกันดึงจึงลากศพนายช้วนออกมาได้ ปรากฏว่าศพนายช้วนมีสภาพที่แหลกเหลวไม่มีชิ้นดี จาก แหล่งที่พบศพของนายช้วนทำให้คณะที่ติดตามไล่ล่าไอ้ด่างรู้ว่ามันอยู่ใน บริเวณนั้น ส.อ.ห้วง ได้ใช้ระเบิดลงไปในบริเวณที่เป็นแหล่งกบดานของไอ้ด่าง โดยระเบิดลูกที่สองทำให้ไอ้ด่างต้องออกมาจากที่ซ่อนใต้น้ำของมัน และรีบว่ายน้ำหนีแต่ก็ไปไม่รอดเมื่อระเบิดลูกที่สามโดนขว้างเข้าใส่ เป็นการปิดฉากความโหดร้ายของจระเข้ยักษ์กินคน " ไอ้ด่างคลองบางมุด "
หลังจากผ่าชำแหละแล้วได้พบบาดแผลที่เห็นได้อย่างชัดเจนในซาก " ไอ้ด่าง " ดังนี้
ขา หน้าด้านขวาถูกกระสุนปืนลูกโดดฝังในด้านซ้ายของลำตัว เนื้อเละไปทั้งแถบ ด้านคอขวาเป็นรูเน่าซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ไอ้ด่างพบจุดจบ ส่วนสันหลังบริเวณกว้างยาว 1 ศอกยุ่ยเป็นรอยไหม้ ซี่โครงหักหลายซี่เพราะถูกแรงระเบิด โดยเฉพาะเมื่อผ่าแหวะกระเพาะของไอ้ด่างทำให้นายบุญถึงและเจ้าหน้าที่ 10 กว่าคนต้องตะลึงเมื่อพบว่า นอกจากเศษอิฐ เศษหินแล้วยังพบกระโหลกมนุษย์ถึง 2 หัว ยังอยู่ในสภาพมีเศษผมติดบนหนังศีรษะอยู่ นอกจากนี้ยังพบกระดูกส่วนขากับสะบ้าจากเข่าคน และนอกจากนั้นยังมีตะขอเหล็กขนาดใหญ่อีกหนึ่งตัวด้วย
และ จากการพบส่วนกระโหลกศีรษะมนุษย์ทั้ง 2 หัวจากท้องของจระเข้ยักษ์ตัวนี้ เป็นการยืนยันได้ชัดเจนว่ามันคือไอ้ด่างอย่างแน่นอน และนอกจากนั้นยังเป็นบทพิสูจน์ได้ด้วยว่าไอ้ด่างเคยกินคนมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะศพที่มันกินครั้งหลังสุดที่เป็นข่าว 6 คน มันกินเฉพาะส่วนท้องเท่านั้น
แม้วันเวลาจะผ่านมาเกือบครึ่งศตวรรษแล้ว ตำนานความโหดร้ายของ " ไอ้ด่างคลองบางมุด " ยัง คงเป็นที่จดจำของคนไทยอีกหลายคน และในช่วงน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมาก็ยังถือว่าโชคดีที่ไม่มีไอ้ด่างตัวที่ 3 ออกมาสร้างความสยดสยองให้กับคนไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก one55
ที่มา : http://www.bigza.com/news-136783
|
loading...
0 ความคิดเห็น